- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์
- รายละเอียดสถานการณ์ผลิดและการตลาด
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 2-8 สิงหาคม 2562
ข้าว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 และมติที่ประชุม นบข. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบในหลักการตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 การดำเนินงานประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์ อุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 32.48 ล้านตันข้าวเปลือก อุปทาน 34.16 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว ได้แก่
1) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 58.99 ล้านไร่
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 และ รอบที่ 2 จำนวน 13.81 ล้านไร่
2) การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 4.00 ล้านครัวเรือน และ รอบที่ 2 จำนวน 0.30 ล้านครัวเรือน
3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
4) การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การจัดรูปที่ดินและปรับระดับพื้นที่นา
5) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ (1) โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่
(นาแปลงใหญ่) (2) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข43 (3) โครงการส่งเสริมระบบเกษตรแบบแม่นยำสูง (4) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ (5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ (6) โครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าวหอมมะลิ (7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
(8) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวไปเป็นพืชอื่น (Zoning by Agri-Map) (9) โครงการส่งเสริม
การปลูกพืชหลากหลาย (10) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด และ (11) โครงการประกันภัยพืชผล
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ (1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
รถเกี่ยวนวดข้าว และ (2) โครงการยกระดับมาตรฐานโรงสี กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงตลาดข้าวนาแปลงใหญ่
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ ได้แก่ (1) โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร (2) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พ.ศ. 2563-2565
(3) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคผลผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าว
(4) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวสาร Q และข้าวพันธุ์ กข43 ปีการผลิต 2561/62 (5) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว
และปรับปรุงคุณภาพข้าว (6) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (7) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต็อก และ (8) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ ได้แก่ (1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ
(2) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมข้าว (3) การส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐานและปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และ (4) การประชาสัมพันธ์
การบริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,692 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,552 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.90
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,718 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,683 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 34,090 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 33,850 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.71
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,650 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,300 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.10
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,178 ดอลลาร์สหรัฐฯ (35,934 บาท/ตัน)
ราคาสูงขึ้นจากตันละ 1,160 ดอลลาร์สหรัฐฯ (35,504 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.55 และสูงขึ้นในรูปเงินบาท
ตันละ 430 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 430 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,117 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,855 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.38 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 262 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,812 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 412 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,610 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.94 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 202 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 427 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,025 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,855 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.67 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 170 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.5042
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
ภาวะราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง เนื่องจากตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการที่ประเทศฟิลิปปินส์ อาจจะระงับการนำเข้าข้าวชั่วคราวในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่จะเริ่มขึ้นในเดือนกันยายนนี้ โดยราคาข้าวขาว 5% ลดลงมาอยู่ที่ตันละ 340-350 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากตันละ 350 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ถือเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดในปีนี้ หลังจากจีนลดการนำเข้าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
และหลังจากที่รัฐบาลฟิลิปปินส์เปิดเสรีนำเข้าข้าว ทำให้ผู้นำเข้าข้าวจากฟิลิปปินส์หันมาซื้อข้าวจากเวียดนาม
เป็นจำนวนมาก เนื่องจากราคาต่ำกว่าประเทศอื่นๆ และข้าวเวียดนามกำลังเป็นข้าวที่นิยมบริโภคในฟิลิปปินส์มากขึ้น
กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (the Ministry of Agriculture and Rural Development; MARD) รายงานว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 (มกราคม-กรกฎาคม) เวียดนามส่งออกข้าวประมาณ 4.01 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 1.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 แต่มูลค่าลดลงร้อยละ 14.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตันละ 431 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในเดือนกรกฎาคม มีการส่งออกประมาณ 651,000 ตัน มูลค่า 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตันละ 438 ดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามส่งออกข้าวไปยังฟิลิปปินส์มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนประมาณ
ร้อยละ 33.7 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด ส่วนประเทศที่เวียดนามส่งออกมากขึ้น ได้แก่ ไอวอรี่โคสต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 67 ฮ่องกงเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เป็นต้น
ขณะที่สมาคมอาหารเวียดนาม (the Vietnam Food Association; VFA) รายงานว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 (มกราคม-พฤษภาคม) เวียดนามส่งออกข้าวไปจีนประมาณ 223,078 ตัน มูลค่า 111.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 75.4 และร้อยละ 75.2 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตันละ 499 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้เวียดนามส่งออกข้าวไปจีนมากเป็นอันดับ 3 จากที่เคยส่งออกเป็นอันดับ 1 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการนำเข้าข้าวของจีนลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลจีนมีสต็อกข้าวจำนวนมาก และมีการระบายข้าวเก่าออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางส่วนส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ว่า ในปีการตลาด 2562/63 (มกราคม-ธันวาคม 2563) เวียดนามจะมีผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 45.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561/62 (มกราคม-ธันวาคม 2562) ที่คาดว่ามีประมาณ 44.67 ล้านตัน เนื่องจากพื้นที่เก็บเกี่ยวในฤดูการผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง (the summer-autumn crop) เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ผลผลิตข้าวในปี 2561/62 เพิ่มขึ้นจากปี 2560/61 (มกราคม-ธันวาคม 2561) เนื่องจากมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกและพื้นที่เก็บเกี่ยวมากขึ้น ทั้งในฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (the winter-spring crop)
สำหรับการเก็บเกี่ยวในฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ ของปี 2561/62 สิ้นสุดแล้ว เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และขณะนี้กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง (the Mekong Rice Delta provinces)
ในปีการผลิต 2561/62 (มกราคม-ธันวาคม 2562) คาดว่า ผลผลิตข้าวเปลือกทั้งประเทศในฤดูการผลิตฤดูหนาว (Winter/Lua Mua) ที่จะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนตุลาคมมีประมาณ 8.168 ล้านตัน ลดลงจาก 8.33 ล้านตัน ในปี2560/61 (มกราคม-ธันวาคม 2561) และในฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (the winterspring crop) คาดว่ามีผลผลิตประมาณ 20.559 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 20.522 ล้านตัน ในปี 2560/61 ส่วนฤดูการผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง (the summer-autumn crop) คาดว่า มีผลผลิตประมาณ 15.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 15.4 ล้านตัน ในปี 2560/61
สำหรับในพื้นที่เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง (the Mekong Rice Delta provinces) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าว
เพื่อการส่งออกนั้น ในปีการผลิต 2561/62 (มกราคม-ธันวาคม 2562) คาดว่า ผลผลิตข้าวเปลือกในฤดูการผลิตฤดู หนาว (Winter/Lua Mua) ที่จะเก็บเกี่ยวช่วงเดือนตุลาคมจะมีประมาณ 0.828 ล้านตัน เท่ากับปี 2560/61 (มกราคม-ธันวาคม 2561) และในฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (the winter-spring crop) คาดว่า มีผลผลิตประมาณ 10.963 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 10.892 ล้านตัน ในปี 2560/61 ส่วนฤดูการผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง (the summer-autumn crop) คาดว่ามีผลผลิตประมาณ 13.92 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 13.785 ล้านตัน ในปี 2560/61
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
บังคลาเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ว่า ในปีการตลาด 2562/63 (พฤษภาคม 2562-เมษายน 2563)
บังคลาเทศจะมีผลผลิตข้าวสารประมาณ 35.20 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561/62 (พฤษภาคม 2561-เมษายน 2562)
ที่คาดว่ามีประมาณ 34.91 ล้านตัน
ทั้งนี้ ฤดูฝนของปีนี้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา และมีฝนตกหนักทั่วประเทศในช่วงวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งฝนที่ตกลงมาปริมาณมาก ส่งผลให้ในหลายพื้นที่เกิดภาวะน้ำท่วมและดินถล่ม ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำ 25 สาย จาก 93 สาย อยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติ
ด้านภาวะราคาข้าวในประเทศยังคงมีแนวโน้มลดต่ำลง เนื่องจากอุปทานข้าวที่มีจำนวนมาก โดยราคาขายปลีกในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35 ทากาต่อกิโลกรัม หรือประมาณตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงประมาณร้อยละ 18.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
กระทรวงการอาหาร (the Ministry of Food; MOF) รายงานว่า ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2562 สต็อกข้าว สาธารณะ (public rice stocks) มีประมาณ 1.53 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลจัดหาข้าวเปลือกแล้วประมาณร้อยละ 48 ของเป้าหมาย ข้าวนึ่งร้อยละ 79 และข้าวขาวร้อยละ 58 ของเป้าหมาย
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
1.1 แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 และมติที่ประชุม นบข. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบในหลักการตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 การดำเนินงานประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์ อุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 32.48 ล้านตันข้าวเปลือก อุปทาน 34.16 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว ได้แก่
1) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 58.99 ล้านไร่
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 และ รอบที่ 2 จำนวน 13.81 ล้านไร่
2) การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 4.00 ล้านครัวเรือน และ รอบที่ 2 จำนวน 0.30 ล้านครัวเรือน
3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
4) การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การจัดรูปที่ดินและปรับระดับพื้นที่นา
5) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ (1) โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่
(นาแปลงใหญ่) (2) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข43 (3) โครงการส่งเสริมระบบเกษตรแบบแม่นยำสูง (4) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ (5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ (6) โครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าวหอมมะลิ (7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
(8) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวไปเป็นพืชอื่น (Zoning by Agri-Map) (9) โครงการส่งเสริม
การปลูกพืชหลากหลาย (10) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด และ (11) โครงการประกันภัยพืชผล
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ (1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
รถเกี่ยวนวดข้าว และ (2) โครงการยกระดับมาตรฐานโรงสี กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงตลาดข้าวนาแปลงใหญ่
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ ได้แก่ (1) โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร (2) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พ.ศ. 2563-2565
(3) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคผลผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าว
(4) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวสาร Q และข้าวพันธุ์ กข43 ปีการผลิต 2561/62 (5) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว
และปรับปรุงคุณภาพข้าว (6) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (7) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต็อก และ (8) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ ได้แก่ (1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ
(2) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมข้าว (3) การส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐานและปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และ (4) การประชาสัมพันธ์
การบริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,692 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,552 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.90
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,718 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,683 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 34,090 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 33,850 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.71
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,650 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,300 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.10
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,178 ดอลลาร์สหรัฐฯ (35,934 บาท/ตัน)
ราคาสูงขึ้นจากตันละ 1,160 ดอลลาร์สหรัฐฯ (35,504 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.55 และสูงขึ้นในรูปเงินบาท
ตันละ 430 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 430 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,117 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,855 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.38 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 262 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,812 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 412 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,610 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.94 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 202 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 427 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,025 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,855 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.67 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 170 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.5042
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
ภาวะราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง เนื่องจากตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการที่ประเทศฟิลิปปินส์ อาจจะระงับการนำเข้าข้าวชั่วคราวในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่จะเริ่มขึ้นในเดือนกันยายนนี้ โดยราคาข้าวขาว 5% ลดลงมาอยู่ที่ตันละ 340-350 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากตันละ 350 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ถือเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดในปีนี้ หลังจากจีนลดการนำเข้าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
และหลังจากที่รัฐบาลฟิลิปปินส์เปิดเสรีนำเข้าข้าว ทำให้ผู้นำเข้าข้าวจากฟิลิปปินส์หันมาซื้อข้าวจากเวียดนาม
เป็นจำนวนมาก เนื่องจากราคาต่ำกว่าประเทศอื่นๆ และข้าวเวียดนามกำลังเป็นข้าวที่นิยมบริโภคในฟิลิปปินส์มากขึ้น
กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (the Ministry of Agriculture and Rural Development; MARD) รายงานว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 (มกราคม-กรกฎาคม) เวียดนามส่งออกข้าวประมาณ 4.01 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 1.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 แต่มูลค่าลดลงร้อยละ 14.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตันละ 431 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในเดือนกรกฎาคม มีการส่งออกประมาณ 651,000 ตัน มูลค่า 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตันละ 438 ดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามส่งออกข้าวไปยังฟิลิปปินส์มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนประมาณ
ร้อยละ 33.7 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด ส่วนประเทศที่เวียดนามส่งออกมากขึ้น ได้แก่ ไอวอรี่โคสต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 67 ฮ่องกงเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เป็นต้น
ขณะที่สมาคมอาหารเวียดนาม (the Vietnam Food Association; VFA) รายงานว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 (มกราคม-พฤษภาคม) เวียดนามส่งออกข้าวไปจีนประมาณ 223,078 ตัน มูลค่า 111.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 75.4 และร้อยละ 75.2 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตันละ 499 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้เวียดนามส่งออกข้าวไปจีนมากเป็นอันดับ 3 จากที่เคยส่งออกเป็นอันดับ 1 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการนำเข้าข้าวของจีนลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลจีนมีสต็อกข้าวจำนวนมาก และมีการระบายข้าวเก่าออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางส่วนส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ว่า ในปีการตลาด 2562/63 (มกราคม-ธันวาคม 2563) เวียดนามจะมีผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 45.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561/62 (มกราคม-ธันวาคม 2562) ที่คาดว่ามีประมาณ 44.67 ล้านตัน เนื่องจากพื้นที่เก็บเกี่ยวในฤดูการผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง (the summer-autumn crop) เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ผลผลิตข้าวในปี 2561/62 เพิ่มขึ้นจากปี 2560/61 (มกราคม-ธันวาคม 2561) เนื่องจากมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกและพื้นที่เก็บเกี่ยวมากขึ้น ทั้งในฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (the winter-spring crop)
สำหรับการเก็บเกี่ยวในฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ ของปี 2561/62 สิ้นสุดแล้ว เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และขณะนี้กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง (the Mekong Rice Delta provinces)
ในปีการผลิต 2561/62 (มกราคม-ธันวาคม 2562) คาดว่า ผลผลิตข้าวเปลือกทั้งประเทศในฤดูการผลิตฤดูหนาว (Winter/Lua Mua) ที่จะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนตุลาคมมีประมาณ 8.168 ล้านตัน ลดลงจาก 8.33 ล้านตัน ในปี2560/61 (มกราคม-ธันวาคม 2561) และในฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (the winterspring crop) คาดว่ามีผลผลิตประมาณ 20.559 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 20.522 ล้านตัน ในปี 2560/61 ส่วนฤดูการผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง (the summer-autumn crop) คาดว่า มีผลผลิตประมาณ 15.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 15.4 ล้านตัน ในปี 2560/61
สำหรับในพื้นที่เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง (the Mekong Rice Delta provinces) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าว
เพื่อการส่งออกนั้น ในปีการผลิต 2561/62 (มกราคม-ธันวาคม 2562) คาดว่า ผลผลิตข้าวเปลือกในฤดูการผลิตฤดู หนาว (Winter/Lua Mua) ที่จะเก็บเกี่ยวช่วงเดือนตุลาคมจะมีประมาณ 0.828 ล้านตัน เท่ากับปี 2560/61 (มกราคม-ธันวาคม 2561) และในฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (the winter-spring crop) คาดว่า มีผลผลิตประมาณ 10.963 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 10.892 ล้านตัน ในปี 2560/61 ส่วนฤดูการผลิตฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง (the summer-autumn crop) คาดว่ามีผลผลิตประมาณ 13.92 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 13.785 ล้านตัน ในปี 2560/61
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
บังคลาเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ว่า ในปีการตลาด 2562/63 (พฤษภาคม 2562-เมษายน 2563)
บังคลาเทศจะมีผลผลิตข้าวสารประมาณ 35.20 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561/62 (พฤษภาคม 2561-เมษายน 2562)
ที่คาดว่ามีประมาณ 34.91 ล้านตัน
ทั้งนี้ ฤดูฝนของปีนี้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา และมีฝนตกหนักทั่วประเทศในช่วงวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งฝนที่ตกลงมาปริมาณมาก ส่งผลให้ในหลายพื้นที่เกิดภาวะน้ำท่วมและดินถล่ม ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำ 25 สาย จาก 93 สาย อยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติ
ด้านภาวะราคาข้าวในประเทศยังคงมีแนวโน้มลดต่ำลง เนื่องจากอุปทานข้าวที่มีจำนวนมาก โดยราคาขายปลีกในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35 ทากาต่อกิโลกรัม หรือประมาณตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงประมาณร้อยละ 18.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
กระทรวงการอาหาร (the Ministry of Food; MOF) รายงานว่า ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2562 สต็อกข้าว สาธารณะ (public rice stocks) มีประมาณ 1.53 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลจัดหาข้าวเปลือกแล้วประมาณร้อยละ 48 ของเป้าหมาย ข้าวนึ่งร้อยละ 79 และข้าวขาวร้อยละ 58 ของเป้าหมาย
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.27 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 7.33 ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.82 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.87 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 5.93 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.01
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.97 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.82 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.70 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.18 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.07 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.36
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 299.80 ดอลลาร์สหรัฐ (9,158 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากตันละ 294.25 ดอลลาร์สหรัฐ (9,006 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.89 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 152 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2562 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 405.20 เซนต์ (4,942 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 407.08 เซนต์ (4,975 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 33 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.70 ล้านไร่ ผลผลิต 31.43 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.62 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.33 ล้านไร่ ผลผลิต 29.37 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.53 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.44 ร้อยละ 7.01 และร้อยละ 2.55 ตามลำดับ โดยเดือนสิงหาคม 2562 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.67 ล้านตัน (ร้อยละ 2.12 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 21.06 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ทั้งนี้ราคาหัวมันสำปะหลังปรับตัวลดลง เนื่องจาก ราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับหัวมันสำปะหลังมีเชื้อแป้งค่อนข้างต่ำ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.67 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.89 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 4.88 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.20
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.56 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.15 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 238 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,270 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (7,284 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 450 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,746 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (13,773 บาทต่อตัน)
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.70 ล้านไร่ ผลผลิต 31.43 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.62 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.33 ล้านไร่ ผลผลิต 29.37 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.53 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.44 ร้อยละ 7.01 และร้อยละ 2.55 ตามลำดับ โดยเดือนสิงหาคม 2562 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.67 ล้านตัน (ร้อยละ 2.12 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 21.06 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ทั้งนี้ราคาหัวมันสำปะหลังปรับตัวลดลง เนื่องจาก ราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับหัวมันสำปะหลังมีเชื้อแป้งค่อนข้างต่ำ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.67 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.89 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 4.88 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.20
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.56 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.15 ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 238 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,270 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (7,284 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 450 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,746 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (13,773 บาทต่อตัน)
ปาล์มน้ำมัน
อ้อยและน้ำตาล
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
ไม่มีรายงาน
2. สรุปภาวการณ์ผลิตการตลาดและราคาในต่างประเทศ
รายงานการส่งออกน้ำตาลของบราซิล
กระทรวงการค้าบราซิล รายงานว่า ในเดือนกรกฎาคม 2562 บราซิลส่งออกน้ำตาลจำนวน 1.832ล้านตัน (มูลค่าน้ำตาลทรายดิบ) เพิ่มขึ้นจาก 1.551 ล้านตัน ในเดือนมิถุนายน ร้อยละ 18.12 ขณะที่การส่งออกน้ำตาลทรายขาวลดลงเหลือ 126,487 ตัน จาก 142,046 ตัน ในเดือนมิถุนายน ร้อยละ 10.95
ไม่มีรายงาน
2. สรุปภาวการณ์ผลิตการตลาดและราคาในต่างประเทศ
รายงานการส่งออกน้ำตาลของบราซิล
กระทรวงการค้าบราซิล รายงานว่า ในเดือนกรกฎาคม 2562 บราซิลส่งออกน้ำตาลจำนวน 1.832ล้านตัน (มูลค่าน้ำตาลทรายดิบ) เพิ่มขึ้นจาก 1.551 ล้านตัน ในเดือนมิถุนายน ร้อยละ 18.12 ขณะที่การส่งออกน้ำตาลทรายขาวลดลงเหลือ 126,487 ตัน จาก 142,046 ตัน ในเดือนมิถุนายน ร้อยละ 10.95
ถั่วเหลือง
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ถั่วเหลืองจากบราซิลราคาเพิ่มขึ้นจากข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับอเมริกา
ผู้นำเข้าจากจีนเลื่อนการการนำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิล เนื่องจากราคาที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-อเมริกา ราคาถั่วเหลืองบราซิลสูงขึ้นจากตันละ 380 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น ตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐ และความต้องการซื้อถั่วเหลือง เพื่อผลิตอาหารสัตว์ของจีนไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
ราคาในตลาดต่างประเทศ(ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 852.32 เซนต์ (9.70 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 871.68 เซนต์ (9.94 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.22
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 294.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.11 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 299.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.31 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.92
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 28.07 เซนต์ (19.16 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 28.13 เซนต์ (19.24 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.21
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ถั่วเหลืองจากบราซิลราคาเพิ่มขึ้นจากข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับอเมริกา
ผู้นำเข้าจากจีนเลื่อนการการนำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิล เนื่องจากราคาที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-อเมริกา ราคาถั่วเหลืองบราซิลสูงขึ้นจากตันละ 380 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น ตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐ และความต้องการซื้อถั่วเหลือง เพื่อผลิตอาหารสัตว์ของจีนไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
ราคาในตลาดต่างประเทศ(ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 852.32 เซนต์ (9.70 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 871.68 เซนต์ (9.94 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.22
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 294.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.11 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 299.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.31 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.92
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 28.07 เซนต์ (19.16 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 28.13 เซนต์ (19.24 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.21
ยางพารา
สับปะรด
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.00 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 18.59 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.21
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 29.25 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.56
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 26.25 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.86
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 28.75 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.61
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.00 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 16.75 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.48
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 31.25 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.40
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1, 014.00 ดอลลาร์สหรัฐ (31.06 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 987.50 ดอลลาร์สหรัฐ (30.22 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.68 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.84 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 915.20 ดอลลาร์สหรัฐ (28.03 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 889.25 ดอลลาร์สหรัฐ (27.22 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.92 และสูงขึ้นรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.81 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 948.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.04 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 971.25 ดอลลาร์สหรัฐ (29.73 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.81 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.24บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 553.20 ดอลลาร์สหรัฐ (16.94 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 576.75 ดอลลาร์สหรัฐ (17.65 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.08 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.69 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1, 073.80 ดอลลาร์สหรัฐ (32.89 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,046.75 ดอลลาร์สหรัฐ (32.04 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.58 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.85 บาท
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.00 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 18.59 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.21
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 29.25 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.56
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 26.25 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.86
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 28.75 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.61
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.00 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 16.75 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.48
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 31.25 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.40
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1, 014.00 ดอลลาร์สหรัฐ (31.06 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 987.50 ดอลลาร์สหรัฐ (30.22 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.68 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.84 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 915.20 ดอลลาร์สหรัฐ (28.03 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 889.25 ดอลลาร์สหรัฐ (27.22 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.92 และสูงขึ้นรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.81 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 948.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.04 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 971.25 ดอลลาร์สหรัฐ (29.73 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.81 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.24บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 553.20 ดอลลาร์สหรัฐ (16.94 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 576.75 ดอลลาร์สหรัฐ (17.65 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.08 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.69 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1, 073.80 ดอลลาร์สหรัฐ (32.89 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,046.75 ดอลลาร์สหรัฐ (32.04 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.58 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.85 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.50 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 1.48
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.50 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 1.33
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 58.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 57.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 2.63
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 51.38 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 2.18
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.50 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 1.48
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.50 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 1.33
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 58.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 57.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 2.63
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 51.38 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 2.18
ฝ้าย
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 59.23 (กิโลกรัมละ 40.45 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 63.19 (กิโลกรัมละ 43.24 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.27 และลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 2.79 บาท
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 59.23 (กิโลกรัมละ 40.45 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 63.19 (กิโลกรัมละ 43.24 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.27 และลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 2.79 บาท
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,682 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,705 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.35
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,345 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,362 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.25
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 839 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณสุกรออกสู่ตลาดไม่มาก ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเริ่มมีมากขึ้น แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาและความต้องการบริโภคจะสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะเข้าสู่เทศกาลสารทจีน
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 69.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 69.70 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.27 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 70.04 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 68.03 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 70.16 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.73 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,700 บาท (บวกลบ 64 บาท) ลดลงจากตัวละ 1,800 บาท (บวกลบ 64 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.56
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.73
สถานการณ์ตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณสุกรออกสู่ตลาดไม่มาก ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเริ่มมีมากขึ้น แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาและความต้องการบริโภคจะสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะเข้าสู่เทศกาลสารทจีน
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 69.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 69.70 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.27 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 70.04 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 68.03 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 70.16 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.73 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,700 บาท (บวกลบ 64 บาท) ลดลงจากตัวละ 1,800 บาท (บวกลบ 64 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.56
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.73
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ในสัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดใกล้เคียงกับความต้องการบริโภคไก่เนื้อที่ชะลอตัวเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย จากความต้องการบริโภคที่อาจจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลสารทจีน
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 36.87 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 36.97 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.27 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 36.77 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 40.23 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 14.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 49.00 บาท ทรงตัวสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ค่อนข้างคึกคัก ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคไข่ไก่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดไม่มากนักผลจากก่อนหน้านี้ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และเกษตรกรผู้เลี้ยงไข่ไก่ ได้ร่วมมือกันปรับผลผลิตไข่ไก่ทั้งระบบให้สมดุลกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 286 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 282 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.42 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 299 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 2832 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 284 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 331 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาวะตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ค่อนข้างคึกคัก ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคไข่ไก่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดไม่มากนักผลจากก่อนหน้านี้ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และเกษตรกรผู้เลี้ยงไข่ไก่ ได้ร่วมมือกันปรับผลผลิตไข่ไก่ทั้งระบบให้สมดุลกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 286 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 282 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.42 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 299 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 2832 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 284 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 331 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 327 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 329 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 344 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 307 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 350 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 327 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 329 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 344 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 307 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 350 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 88.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 88.61 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.12 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.93 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 89.93 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 82.59 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 100.73 บาท
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 88.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 88.61 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.12 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.93 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 89.93 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 82.59 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 100.73 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 67.45 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.82 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.55 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.70 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.16 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 67.45 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.82 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.55 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.70 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.16 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ประมง
1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 2 – 8 สิงหาคม 2562) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3-4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.25 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 45.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 9.75 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.22 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 83.68 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.54 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 145.97 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 140.55 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.42 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 145.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 140.83 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.17 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.27 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 82.61 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.34 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 90.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 85.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.00 บาท
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ย กิโลกรัมละ 115.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 120.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 260.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.09 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% เฉลี่ยสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 2 – 8 สิงหาคม 2562) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3-4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.25 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 45.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 9.75 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.22 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 83.68 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.54 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 145.97 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 140.55 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.42 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 145.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 140.83 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.17 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.27 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 82.61 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.34 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 90.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 85.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.00 บาท
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ย กิโลกรัมละ 115.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 120.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 260.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.09 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% เฉลี่ยสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา